Chance the Rapper แร็พน้อยกว่านี้ได้ยังไง เจ๋งกว่าคานเยก็เขานี่แหละ
The Gospel According to Chance
ชีวิตวิถีแชนซ์
*ผลงานนี้เป็นผลงานแปลของเราเองค่ะ
เขาหน้าตาเป็นมิตรยิ้มง่ายกว่าเจซี (Jay-Z) ดูเข้าถึงง่ายมากกว่าเดรก (Drake) และเป็นผู้เป็นคนกว่าคานเย (Kanye) และด้วยความที่ไม่มีสังกัดหนุนหลัง เขาจึงเป็นผู้พลิกโฉมหน้าเพลงฮิปฮอปสู่ยุคใหม่ ฉีกด้วยเทคนิคใหม่และต้นเสียงใหม่ แต่เขาที่สุดแห่งตัวพ่อวงการฮิปฮอปแล้วหรือยัง วันนี้เราจะมาคุยกับเขากัน
image from mixmag.net
ห้องนี้แทบไม่มีที่ว่าง เพราะสตูดิโออัดเพลงมักจะคึกเอาตอนตีหนึ่ง อากาศใจกลางเมือง Chicago ตอนนี้หนาวลงตับ ข้างในห้องอัดมีแต่เจ้าหน้าที่คุมเสียงกับโปรแกรมอัด ไหนจะเด็กส่งอาหารจาก Shake Shack เด็กเดินปุ๊น เด็กม้วนปุ๊น และเพื่อนสมัยเด็กที่ร่วมหัวจมท้ายเติมด้วยกันมา และแน่นอนมีแชนซ์ เดอะ แร็พเพอร์ (Chance the Rapper) หนุ่มน้อยวัย 23 ปี ภาพในสตูดิโอตอนนี้เหมือนโรงเรียนกวดวิชาฮิพฮอพขั้นพื้นฐานอย่างไรอย่างนั้น เพราะอย่างที่บอก ห้องเล็กๆ ห้องนี้อัดแน่นไปด้วยแร็พเพอร์ แร็พเพอร์มุง เสียงดนตรีดัง บนจอโทรทัศน์มีรายการ SportsCenter ฉายวนไป ทีม The Lakers แข่งเมื่อไหร่ก็แพ้ เป็นภาพของธุรกิจวงกรเพลงที่เราเห็นกันจนชินตา
สำหรับวงการเพลง Chance the Rapper คือทุกอย่างยกเว้นธุรกิจเพลงแบบที่เรารู้จัก เขาไม่เหมือนใคร ไม่มีใครเหมือน ยิ่งถ้าเทียบกับคานเย ยิ่งไม่ได้ใกล้เลย เพราะผลงานแร็พของเขานั้นเหนือชั้นและจัดว่าเด็ดกว่ามาก จะว่าเหมือนเอมิเนม (Eminem) กลับชาติมาเกิดก็ว่าได้ แต่อัดแน่นไปด้วยลูกเล่น เวลาเขาร้องเพลง (แร็พเพอร์อย่างเขาร้องบ่อยอยู่) เสียงเหมือนรูแกรตส์ (Rugrats) ผสมกับบีบีคิง (B. B. King) มีทั้งความปวดร้าว ความหวัง ความไม่เดียงสา และสติปัญญาเจืออยู่ เขาคือศิลปินไร้สังกัด ไม่ติดสัญญากับค่ายใด ไม่มีอะไรผูกมัดทั้งนั้น เพลงแต่เพลง อัลบั้มแต่ละอัลบั้ม ทุกคนเข้าถึงได้ฟรี แต่อย่าคิดว่าเขาเป็นแร็พเพอร์
ประเภทโด่งดังได้ชั่วข้ามคืน ของแบบนี้ต้องอาศัยเวลา เขาแค่สั่งสมบารมีมาตั้งแต่ยังตัวกะจ้อยร่อย ผลงานแรกคือ 10 Day เป็นเทปที่เขาอัดไว้ระหว่างโดนพักการเรียนที่ Jones College Prep High School ต่อมาคือ Acid Rap อัลบั้มที่เปลี่ยนโฉมหน้าวงการเพลงแร็พในอเมริกาเหนือ ตามด้วยอัลบั้มที่เรียกได้ว่าดีที่สุด แต่ก็ถูกมองข้ามมากที่สุดอย่าง Surf ที่ทำคู่กับดอนนี่ ทรัมเป็ต (Donnie Trumpet) เพื่อนที่ดันมาช่วยเล่นทรัมเป็ตให้ เพราะอัลบั้มนี้เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ ซับซ้อนและแปลกใหม่ ขนาดปีที่แล้วคานเยขอให้เขามาช่วยเล่นเพลงเปิดให้กับอัลบั้ม The Life of Pablo กลายเป็นว่าโดยแชนซ์แย่งซีนเฉ๊ย และฝีมือขนาดที่ทั้งโลกจับตาขนาดนี้ เขาจึงไม่พลาดปล่อยเพลงใหม่อย่าง Coloring Book ออกมา ที่ไปเฉิดฉายได้แสดงอยู่ที่ทำเนียบขาว เนื้อเพลงทุกท่อน ทุกจังหวะการแสดง เหมือนคุณได้เห็นเขาปล่อยพลังออกมาสุดตัว มือหนึ่งถือดาบที่แทบจะใหญ่เกินตัว มงกุฎก็บังหน้าบังตาแทบมองอะไรไม่เห็น ได้ทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลก ไหนจะขึ้นบิลบอร์ดชาร์ต รางวัลแกรมมี่ ไอ้นี่เหมาหมด
คืนนี้มีแค่ผมและเพื่อนเขาครับ เขาดับบุหรี่แล้วเดินไปหน้าไมค์ สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วส่งเสียง “IT’S CHRI- MAAAAAAAAAA, IT’S CHRI-MA…” ถามว่าจะทำเพลงอัลบั้มคริสต์มาสหรือ คนอัดเสียงก็บอกเปล่า เพราะปกติอีกสี่วันนู่นถึงจะค่อยอัด ให้ออกมาทันก่อนคริสต์มาส ไอ้นี่ก็ไม่ได้สนใจที่คนอัดพูดเลย เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะว่า it’s Chri-maaaaaaaaaa, it’s Chri-ma แถมร้องไปเป่าปากเล่นไปตอนร้องท่อนฮุคอีก ดูๆ ไปแล้วนี่ผมก็คิดว่าไอ้นี่มันคิดอะไรเหมือนเด็ก นึกอยากจะโพล่งอะไรออกมาก็ทำเลยไม่ต้องมีพิธีรีตอง ถ้าทำแล้วดีก็ดีไป แต่ถ้าทำแล้วเห่ยก็ถือว่าไอ้พวกที่ทนฟังอยู่ได้นี่รักกันจริง จะให้เซ็นสัญญาออกอัลบั้มแล้วให้คนอื่นมีลิขสิทธิ์ในเพลงตัวเองน่ะรึ อย่าหวัง ที่ถูกต้องคือทำเพลงที่รื่นหู สด เรียล เพลงที่มีคอรัสบางที่ก็ไม่เรียลพอนะ จะให้ดีต้องใส่หมวกแก็ปด้วยตลอดเวลา แม้แต่ชื่อยังด้นสดกันเดี๋ยวนั้น เขาบอกว่าชื่อ Chance the Rapper นี่แหละคิดไว้แล้วว่าถ้าจะทำมาหากินเอาดีทางนี้ คนก็ต้องนึกถึงชื่อนี้ก่อน และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเราครับ อยู่ตามลำพังในห้องกับเจ้าหน้าที่อัดเสียงและเด็กเดินปุ๊น ให้มันได้อย่างนี้
- Chance the Rapper ชื่อคุณนี่ตลกนะ แต่กลายเป็นว่าได้เสนอชื่อรับรางวัลแกรมมี่ถึงเจ็ดครั้ง คนเขาบอกว่าคุณจะเป็นแร็พเพอร์ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลย
--: (หัวเราะ) ชมมากเดี๋ยวผมเหลิงนะ แต่รับไว้แล้วกัน
-ชื่อคุณฟังดูร่วมสมัยมากกว่าความสามารถคุณนะ ฟังดูปัญญาอ่อน คิดอยากเปลี่ยนมั้ย เป็น Chance เฉยๆ ก็ได้เอ้า?
-ก็คิดอย่างที่คุณว่าแหละ แต่คิดตรงกันข้าม พ่อผมเคยบอกเสมอว่า “แกต้องเปลี่ยนชื่อเป็น Chance the Artist เพลงแกเหมือนชาวบ้านซะที่ไหน” จำได้วันหนึ่งผมอยู่กับจัสติน เพื่อนสนิท ไอ้นี่เรียนเก่งมาก ฉลาดพูดด้วย เวลาเจอเพื่อนพ่อ ทุกคนก็จะถามว่า “โตขึ้นอยากเป็นอะไรกัน” ไอ้จัสตินแค่เจ็ดขวบตอนนั้นบอกว่า “โตขึ้นจะเป็นวิศวกรชีวการแพทย์ครับ” พอถามผม ผมบอก “อยากเป็นแร็พเพอร์ฮะ” พ่อก็หน้าเสียสิปฏิเสธพัลวัน เรื่องนี้นี่รบกวนใจผมตลอดมา เพราะผมเคยคิดว่าคานเยแม่งฉลาดที่สุดแล้วในโลก เป็นกวีมือฉกาจ แต่งตัวก็จัดจ้าน ผมนึกภาพแร็พเพอร์เป็นแบบนั้นไง ผมก็อยากให้ทุกคนคิดว่าเป็นแบบนั้น คำว่าแร็พเพอร์สำหรับผมแปลได้แบบเดียวกับคำว่า “ดำมืด” เวลาคนได้ยินชื่อ Chance the Rapper มักจะปรามาสความสามารถผม ไม่อยากแนะนำตัวว่าเป็นแร็พเพอร์ บางทีเลี่ยงบอกไปว่าเป็นนักดนตรี เป็นศิลปิน เป็นนักร้องนำวง อย่างนี้ซะมากกว่า
-เอ้า ควรจะภูมิใจนะที่ได้บอกว่าเป็นแร็พเพอร์น่ะ
-ผมเป็นแร็พเพอร์ครับ เออเนอะ แบบพูดข่มคนอื่นได้ “เฮ้ยไอ้นี่แม่งสนิทกับประธานาธิบดีว่ะ” ให้รู้สึกงี้ป่ะ
-แล้วทำไมต้องใส่หมวกแก็ป
-สมัยเรียนชอบใส่หมวกแก็ปทำเป็นเท่แล้วโดนครูริบไปเยอะเหมือนกัน สิ้นปีทีครูคืนให้ทั้งกล่องเพราะมีแต่ของผม ทำให้ผมโยงว่ามันก็เป็นสิ่งที่บอกถึงการแหกกฎเหมือนกันนะ ผมยังติดอะไรเป็นเด็กอยู่มาก ขนาดผักยังไม่กินเลย กินแต่ผักกาดในเบอร์เกอร์
-คนใส่หมวกเบอร์ 3 กันเต็มบ้านเต็มเมืองเลย
-ก็ผมอยากเปลี่ยนโฉมวงการ จากหมวกขาวๆ ให้เหมือนมีอะไร เลยใส่เลข 3 ลงไป เพราะว่านี่เป็นผลงานชิ้นที่สามของผม จะคิดชื่อผลงานกับโลโก้ยังยากเลย อย่างอันแรกเป็น The Magnificent Coloring Book ชื่อโคตรยาว ใส่ลงไปในหมวกคงตลกชิบ
-เหมือนบอกว่า “เราจะทำให้อเมริกากลับมาผงาดอีกครั้ง We will Make America Great Again.”
-เออ ชื่อจะยาวไปไหน ผมก็เลยว่าไม่เอาชื่อใส่ไปแล้วกัน ใส่เลขสามแทน เลยเป็นเหมือนเลขแทนผลงานที่สาม แทนตัวผม ครอบครัวและลูกสาวผม
-ว่าจะมีเพิ่มมั้ยลูกเนี่ย
-ยังไม่ใช่ตอนนี้ จะเป็นพ่อคนให้ดีไม่ได้เป็นกันง่ายเลยตอนนี้ มีหลายเรื่องต้องทำ มีข้อจำกัดหลายอย่าง อย่างตอนนี้อยู่ใน Chicago ก็เป็นคนดัง แต่ผมไม่ยึดติดอะไรนักหรอก ผมอยากให้ความสัมพันธ์พ่อลูกกับ Kinsley เป็นไปด้วยดี และผมก็อยากโตขึ้น นี่เพิ่งจะ 23 เอง ผมมีลูกตอน 22 คือถ้ามีมากกว่านี้ก็ดีนะ ถือว่าเป็นความรับผิดชอบและความโชคดี แต่ถ้าให้มีตอนนี้เลยคงไม่เอา
-อะไรคือสิ่งที่ยากที่สุดของการเป็น Chance the Rapper สำหรับความสัมพันธ์ของคุณ
-เวลาไง แล้วก็อยากทำ…เออลืมไปเหอะที่จะพูด เอาแค่นี้ดีกว่า (หัวเราะ)
-ดีครับ แล้วอะไรคือสิ่งที่โรแมนติกที่สุดที่เคยทำให้สาว
-เออเข้าใจถามเนอะ เคยทำอะไรอลังการอยู่ สมัยเรียนมัธยมปลาย เคยเขียนกลอนลงเฟสบุ๊กให้เธอ เพื่อนล้อวายป่วงเลยว่ะ ไม่รู้หายไปยังต้องไปดูก่อน
-กฎข้อหนึ่งบนโลกอินเทอร์เน็ต สสารคงอยู่ไม่ดับสูญ รู้ใช่มั้ยครับน้อง
-ถึงได้เกลียดเฟสบุ๊กไง ผมยิ่งโพสอะไรบ้าบออยู่ด้วย ต้องไปตามลบแล้ว
-ไหนยกท่อนเด็ดมาซักท่อน ท่อนเลวก็ได้ กลอนที่เขียนน่ะ
-(หัวเราะ) ที่เลวก็คงเป็นใส่ชื่อเธอลงไป พยายามจะทำเป็นมีความลับไง แต่ออกมาโหลยโท่ยมาก ใครเขาใส่ชื่อคนกัน พอโพสลงไปทีแรกคิดว่ากลอนคงเกี่ยวกับของที่เธอเป็นเจ้าของ แต่กลายเป็นว่าทั้งบทน่ะพูดถึงผู้หญิงคนนั้นหมดเลย ไม่รู้สิ
-บางทีตอนนี้เธออาจจะยิ้มกรุ้มกริ่มว่า “เฮ้ย Chance the Rapper เคยเขียนกลอนจีบฉันเหมือนกันนะเว้ย”
-โหพี่ ผมเขียนกลอนให้เธอออกบ่อย จีบติดด้วย เธอน่ารักนะจะบอก
-ข้อเสียของการเป็นคนดังคืออะไร ดังแล้วทำอะไรไม่ได้บ้าง
-นั่นเหตุผลหลักเลยครับ ผมว่าเป็นนักดนตรียังวางตัวไม่ลำบากเท่าเป็นคนดังที่สังคมจับตามอง อย่างคนดังถ้าไปซื้อโยเกิร์ตใส่ผลไม้กินตามร้าน….
-ชอบกินเหรอน่ะ
-รักเลยดีกว่า
-เออดี จะได้เก็บข้อมูล ตามประสาสื่อ
-ถ้าเยได้ผมเยไปแล้ว นี่ถ้าคุณบอกผมได้ว่าร้านไหนอร่อยจะดีมาก เออนั่นแหละ แค่จะยกตัวอย่างว่า ไปตักโยเกิร์ต พอใส่ท็อปปิ้งเสร็จจะไปจ่ายเงิน แคชเชียร์เกิดสติแตกขึ้นมา “กรี๊ด นี่ Chance the Rapper เปล่าคะ Chance the Rapper จริงด้วย” แล้วผู้หญิงอีกคนในร้านดันบอกว่า “ใครวะไม่เห็นรู้จักเลย” เห็นมั้ยคนมีสองแบบ ไอ้คนหลังนี่จะทำเป็นเฉยๆ กูไม่แคร์ แต่กูจะขอมึงถ่ายรูป ถ่ายเสร็จมีหน้ามาบอกอีกว่าไม่เห็นรู้จักเลยว่าเราเป็นใคร วันนี้แค่ดันเผลอมาเดินเจอคนดัง ไม่ไหวนะแบบนี้ นี่แหละคือความกดดันของการเป็นคนดัง
-ผมว่าน่าสนใจออก เพราะคุณเห็นคานเยเป็นพ่อเลย
-เหมือนกันมาก
-ใช่ แต่ไม่ขี้อวดเท่า กลายเป็นว่าทำให้คุณทำอะไรผิดพลาดหรือพูดอะไรผิดง่ายขึ้นมั้ย
-ผมไม่เคยอยากมีบุคลิกเหมือนคานเย แต่ไม่ใช่ว่าไม่เคยคิด คิดมาตลอด อยากมีความกล้าและมั่นใจตัวเองเหมือนเขา แต่เห็นมาหลายอย่างแล้วที่ถ้าผมเป็นคานเย ผมจะไม่ทำแบบนั้น แต่ผมก็ออกตัวแทนเขาได้ตลอดนะ เวลาใครบอกว่าคานเยแม่งบ้า ผมก็จะแก้ตัวแทนให้ว่าเขาก็พูดถูกของเขา อย่างตอนขึ้นเวทีกับเทย์เลอร์ (Taylor) ผมกลับคิดว่าที่จริงบียอนเซ่น่าจะได้ว่ะ(หัวเราะ) ผมหาเหตุผลในสิ่งที่เขาทำมาตลอด แต่ใช่ว่าถ้าผมอยู่ในฐานะเดียวกับเขาแล้วผมจะทำแบบนั้น จากที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับเขามา เขาเป็นคนที่พูดเรื่องบ้าบอในเวลาส่วนตัวมากกว่าอยู่ต่อหน้าธารกำนัล ไม่เชื่อใช่มั้ย เพราะเขากล้าพูดเรื่องบ้าบอในที่สาธารณะที่คนอื่นเขาไม่ทำกัน เขาไม่ตอแหลไง เวลาพูดอะไรไม่มีมาโอ๋มาอ้อมค้อม แต่มีบ้างเวลาเขาพูดอะไรแล้วผมบอกว่า “ผมไม่เข้าใจว่ะ” ผมยังอยากเป็นคนที่ประชาชนรักอยู่ อยากให้คนได้หัวเราะ ผมหมายถึงบุคลิกผมนะ ไม่ได้หมายความเรื่องเนื้อหาเพลงผม เพราะผมว่าผมก็กวนตีนในระดับหนึ่งเหมือนคานเย
-ใช่สิ ได้เสนอชื่อเข้ารับรางวัลแกรมมี่เจ็ดรางวัลแบบไม่มีค่ายหนุนหลัง เล่นของป่ะเนี่ย
-เห็นมั้ยบอกแล้ว ผมได้มาจากคานเย แต่ผมได้บุคลิกและคาแรคเตอร์ การตอบรับคนอื่น การทำงานกับคนอื่น การแสดงความคิดเห็นมาจากพ่อ
-ถ้าคุณคิดว่าจะเป็นยังไง จะเจออะไร
-คิดว่าคงไม่ได้ข้ามไปชาติหน้าหรอก อาจจะต้องมีกระบวนการทางกฎหมายอะไรไม่รู้ล่ะ ต้องไปบอกว่าหวัดดีพี่สมชายหรือใครไม่รู้ที่รั้ว แล้วเขาก็บอกเข้ามาได้เลยน้อง
-เหมือนไปเข้าผับเลย “พาสาวมาด้วยกี่คน”
-ใช่ นักบุญปีเตอร์คงแบบ “ทำดีมาก มีโต๊ะให้ข้างหลัง พระเยซูอยากเจอแน่ะ” แต่ที่ผมคิดคือเราน่าจะเป็นเหมือนพระเจ้าได้ ผมเชื่อว่าเราถูกสร้างตามพระฉายาของพระเจ้า เราจึงมีเสรีและมีโอกาสมากมาย แต่เมื่อใกล้ตายเท่านั้นถึงจะเข้าใจ ว่าเข้าใกล้พระเจ้า
-รางวัลแกรมมี่สำคัญกับเพลงและ Chance the Rapper อย่างไร
-ผมว่าสำคัญมากกับวงการเพลง ในฐานะที่เป็นนักดนตรี ผมว่าสำคัญพอๆ กับที่ดาราได้ออสการ์ แต่ถามว่าเป็นตัวบอกความสามารถของคนๆ นั้นมั้ย ก็ไม่ อย่างลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ (Leonardo DiCaprio) ก็ไม่ได้ออสการ์จนปีที่แล้วนู่นแน่ะ ทุกคนต่างก็ทำงาน แต่ทุกคนต้องการสิ่งพิสูจน์ ว่าสิ่งที่เราทำอยู่นั้นดีแล้วถูกแล้ว และการได้รับรางวัลคือชัยชนะครับ
-ผมนึกภาพคุณไปแร็พคู่กับใครไม่ออก คิดว่าจะได้ทำกับแร็พเพอร์ซักคนมั้ย
-คิดว่าคงไม่ครับ ผมน่ะจริงจังเรื่องแร็พมาก ผมไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มห้านึกจะนั่งเทียนเขียนเพลงแร็พก็เขียนแล้ว ถ้าไม่มีจังหวะผมก็เขียนไม่ได้ ถ้าไม่รู้ว่าจะเขียนไปทำไมก็ทำไม่ได้ ผมต้องรู้ว่าแต่งเสร็จแล้วเพลงจะออกมาเป็นยังไง จะให้คนอื่นมาพูดถึงผมในเพลงแล้วสลับให้ผมพูดถึง “พวกเขา” บ้างแบบนั้นเหรอ ผมนึกไม่ออก
-เคยซื้อสายโซ่มั้ย
-สายโซ่แบบแร็พเพอร์น่ะเหรอ ไม่เคย ไม่ใช่ตัวผม
-ครั้งสุดท้ายที่เงินหมดคือเมื่อไหร่
-ก็หมดบ่อยอยู่นะ
-เอ้าซะงั้น
-เงินหมดเพราะชอบคิดว่าลงเงินไปกับอะไรที่คิดว่าดี ก็จะได้ผลดีตอบแทนกลับมา เป็นแบบนี้ทุกโครงการตั้งแต่ผมเรียนมัธยมปลาย ตั้งแต่ผมเล่นเครื่องดนตรีแล้ว (เป็นอีกตัวตนหนึ่งของเขาสมัยเรียนมัธยมปลาย) แล้วผมเล่นแจกซีดีฟรีไง ทุกอย่างกลับมาสิบเท่า จำได้ว่าครั้งแรกที่ทำทัวร์ Social Experiment ผมนั่งเอามือปิดหน้าอยู่หลังรถโรงเรียน ถอนเงินออกมาจากบัญชีหมดเลย ซึ่งผมเคยออกปากว่าผมจะไม่มีทางถอนเงินเกลี้ยงบัญชีแบบนั้นเด็ดขาด แต่ในสองอาทิตย์ พอทุกคนได้เงิน ผมก็โอเค ค่อยยังชั่ว
-เป็นครั้งเดียวเหรอที่ถอนเงินเกลี้ยงบัญชี
-ตอนทำอัลบั้ม Surf กับ Coloring Book ก็แบบนี้ ลงไปกับสตูดิโอหมด แม่งโคตรแพง
-อะไรที่แพงที่สุดเท่าที่เคยซื้อมา ถ้าไม่นับรถกับบ้าน
-ตอนย้ายจาก L.A. มา Chicago ผมมีนิสัยเสียอยู่อย่าง ชอบซื้อของแพงๆ ของราล์ฟ ลอเรน (Ralph Lauren) ชอบโปโล (Polo) แบบเข้าเส้น มีเสื้อสเวตเตอร์เมริโนวูลตัวละสามสี่พันดอลลาร์หรือสเวตเตอร์แคชเมียร์อะไรพวกนี้ อีกอย่างที่ผมควรเลิกคือชอบลากเพื่อนไปที่แพงๆ เคยพาเพื่อน 35 คนไป Golden State Warriors ตรง Sky Zone แค่เพราะเพื่อนอยู่แถวนั้นแล้วเพื่อนชอบ
-Sky Zone คืออะไรวานบอก
-ที่เล่นแทรมโพลีนในร่ม
-แล้วพ่อแม่ว่าไงบ้าง
-โอ๊ย พ่อผมทำงานเป็นล้านอย่างเลย ทำตั้งแต่งานทำความสะอาดไปจนงานหาเสียงให้คนอื่น คนอยากได้อะไร ไม่อยากได้อะไรก็จะมาบอกพ่อ แม่ผมไม่ชอบเลย แม่บอกว่า “ช่วยมีสมาธิกับครอบครัวบ้างเถอะ นี่ดูหนังกันอยู่นะ”
-แม่คิดกับคุณยังไงตอนนี้
-คิดว่าแม่ภูมิใจมากๆ
-แล้วเรื่องที่คุณเป็นคนดังล่ะ
-ผมว่าผมเป็นคนเก็บตัวที่สุดแล้วนะ จำได้แรกๆ แม่หวงมาก แม่เป็นคนฉลาด แล้วผมมีลูกเร็ว พ่อแม่นี่แหละที่คอยแนะนำผมเรื่องความสัมพันธ์หรือการเป็นพ่อแม่ ผมยังจำได้สมัยอยู่แถวถนน 79 แล้วกลับมาบ้าน แต่ตอนนี้ไม่รู้สึกว่าต้องมีคนดูแลประคบประหงมขนาดนั้นแล้ว พ่อผมเป็นคนของประชาชนมาตลอด ผมก็มักขอคำปรึกษาจากพ่อ เป็นคนดี ผมก็อยากเป็นแบบนั้น ฟังแล้วน่าเบื่อเนาะ แต่ผมพูดจริง ให้คนจำว่าผมเป็นคนดีที่น่าเบื่อ ขอแค่ให้จำว่าผมดีก็พอ บางทีพูดไปว่าเป็นคนดีแล้วชวนคลื่นเหียน แต่เท่าที่ผมเห็นมา ความดีชนะทุกอย่าง ผมถึงได้ไม่กลัวที่ทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดี
-ทำไมไม่กลัวล่ะ ไหนช่วยพูดให้รู้สึกดีหน่อยสิ
-คุณต้องเข้าใจว่า ทุกอย่างแม่งเสียระบบไปหมด อย่าง “เราจะทำให้อเมริกากลับมาผงาดอีกครั้ง” เนี่ยมันเรื่องตอแหล เพราะว่าของมันไม่ได้เปลี่ยนเพื่อ “พวกเขา” นี่ สำหรับพวกเขาไม่มีอะไรต้องเสียอยู่แล้ว ที่จะพูดนี่จำไปบอกเลยนะว่าผมพูด ถ้าคุณไม่ใช่คนขาวที่ใครในอเมริกาใส่ใจมากนัก คุณต้องเข้มแข็งยืนหยัดเพื่อตัวเอง เพราะเดี๋ยวจะมีคนมารังแก ผมบอกเลยว่าโลกเราตอนนี้นับวันคนยิ่งจะ…ไม่ได้พูดเอาอารมณ์นะ แต่อยากให้รู้สึกถึงปัญหาที่แท้จริง และ….
-และตระหนัก
-ใช่ อยากให้ตระหนัก คนเราต่างก็เลี้ยงลูกเพื่อให้มีความรู้และความเข้าใจ บอกเลยไม่ต้องกลัวนะ ผมนี่แหละอยากแต่งเพลงให้เด็กเข้าใจ จะแต่งเพลงเกี่ยวกับความหวังและความเข้าใจโลก และบอกคุณว่าคุณไม่มีอะไรต้องกลัว