การจัดบ้านตามหลักเบญจธาตุ

in #thai7 years ago (edited)

images.jpg

ตามหลักการแล้ววิชาฮวงจุ้ยเป็นหลักวิชาที่มุ่งเน้นหาความสัมพันธ์ระหว่างคนกับสภาพแวดล้อมโดยการใช้บ้านเป็นตัวกลางในการหาความสอดคล้องนี้ ตามหลักการโดยทั่วไป ผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำให้บุคคลเลือกอยู่อาศัยในบ้านที่มีทิศด้านหลังสอดคล้องกับดวงชะตาของตนเพื่อให้บ้านส่งผลเกื้อกูลให้ผู้อยู่อาศัยในบ้านหลังนั้นมีโอกาสที่ดี มีความเจริญก้าวหน้าในด้านต่างๆ

แต่ในทางกลับกัน หากตรวจสอบด้วยวิชาฮวงจุ้ยแล้วพบว่า ดวงชะตาของคนกับบ้านที่อยู่อาศัยเกิดการขัดแย้งกันแล้วจะทำอย่างไร ผู้เชี่ยวชาญแนะนำต่อไปอีกว่าวิธีการแก้ไขทำได้โดยการดัดแปลงบ้านหลังดังกล่าวให้สอดคล้องกับดวงชะตาของคนด้วยกรรมวิธีและหลักการทางวิชาฮวงจุ้ย ซึ่งหลักในการพิจารณานั้นต้องมีการแยกออกจากหลักวิชาทั่วไปเป็นรายกรณีไป

และส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งที่วิชาฮวงจุ้ยให้ความสนใจโดยเป็นองค์ประกอบอย่างหนึ่งที่วิชาฮวงจุ้ยนำมาใช้ในการประกอบการพิจารณาก็คือ ตำแหน่งและองศาของทิศหลังบ้าน ซึ่งตามหลักวิชาฮวงจุ้ยเรียกว่าตำแหน่งทิศหลังอิง โดยการหาตำแหน่งทิศหลังอิงของบ้านนั้น เราใช้จำนวนองศาของเส้นผ่านศูนย์กลางบ้านมาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ซึ่งตามหลักวิชาฮวงจุ้ยลักษณะเข็มทิศ ซึ่งหมายถึงการใช้ตำแหน่งทิศและองศาในการหาความสัมพันธ์ของคนกับบ้านการจัดวางตำแหน่งมงคลพื้นที่ใช้สอยให้เหมาะสมสอดคล้องกับผู้อยู่อาศัยได้แบ่งอาคารบ้านเรือนออกเป็น 2 ประเภทคือ

  1. อาคารบ้านเรือนกลุ่ม ฮวงจุ้ยตะวันออก
    ซึ่งหมายถึงอาคารบ้านเรือนที่ทิศทางด้านหลังบ้านเป็นทิศ เหนือ ทิศตะวันออก ทิศตะวันออกเฉียงใต้ และทิศใต้

  2. อาคารบ้านเรือนกลุ่ม ฮวงจุ้ยตะวันตก
    หมายถึงอาคารบ้านเรือนที่ทิศทางด้านหลังบ้านเป็นทิศตะวันตกเฉียงใต้ ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ทิศตะวันตก และทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

โดยอาคารบ้านเรือนทุกหลังที่ปลูกสร้างอยู่บนพื้นโลกนี้ล้วนต้องสังกัดทิศใดทิศหนึ่งในจำนวน 8 ทิศดังที่กล่าวมาแล้วทั้งนั้น เพราะตามหลักวิชาฮวงจุ้ยให้ความสำคัญกับตำแหน่งของทิศหลังบ้านอย่างมากในการหาความสัมพันธ์สอดคล้องระหว่างคนกับบ้าน

ในขณะเดียวกันเมื่อบ้านยังถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มบ้านฮวงจุ้ยตะวันออก และกลุ่มบ้านฮวงจุ้ยตะวันตก บุคคลผู้อยู่อาศัยภายในบ้านก็มีการแยกประเภทเป็นตนฮวงจุ้ยตะวันออกและคนฮวงจุ้ยตะวันตกด้วยเช่นกัน โดยการพิจารณาจากหมายเลขประจำตัวฮวงจุ้ยของแต่ละคน ที่ศัพท์ภาษาจีนเรียกว่า กัวหมิง

เมื่อเราทราบว่าบ้านที่เราอยู่อาศัยเป็นบ้านฮวงจุ้ยประเภทใดแล้ว(โดยการใช้เข็มทิศในการวัดหาองศาของเส้นผ่านศูนย์กลางบ้าน) เราก็มาความเข้าใจต่ออีกว่า ตำแหน่งทิศหลังอิงของบ้านแต่ละหลังจะมีธาตุประจำทิศที่บ้านหลังนั้นสังกัดอยู่ ซึ่งมีอยู่ 5ธาตุ ตามหลักวิชาเบญจธาตุดังนี้

บ้านที่ทิศหลังบ้านเป็นทิศ เหนือ ตามหลักเบญจธาตุจัดเป็นบ้านที่สังกัด ธาตุน้ำ
บ้านที่ทิศหลังบ้านเป็นทิศ ตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ ตามหลักเบญจธาตุจัดเป็นบ้านที่สังกัด ธาตุไม้
บ้านที่ทิศหลังบ้านเป็นทิศ ใต้ ตามหลักเบญจธาตุจัดเป็นบ้านที่สังกัด ธาตุไฟ
บ้านที่ทิศหลังบ้านเป็นทิศ ตะวันตกเฉียงใต้และ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ตามหลักเบญจธาตุจัดเป็นบ้านที่สังกัด ธาตุดิน
บ้านที่ทิศหลังบ้านเป็นทิศ ตะวันตกและทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ตามหลักเบญจธาตุจัดเป็นบ้านที่สังกัด ธาตุโลหะ

เมื่อท่านได้ทราบถึง ธาตุประจำทิศหลังอิงของบ้านท่านแล้ว สิ่งที่ควรรู้ต่อไปก็คือหลักเกณฑ์พื้นฐานในการพิจารณาเพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกสีและการตกแต่งบ้าน ว่าอาคารบ้านเรือนแต่ละหลังมีหลักการและแนวคิดในการตกแต่งบ้านให้ถูกต้องตามหลักวิชาฮวงจุ้ยได้อย่างไร?

ผู้เชี่ยวชาญหลักวิชาฮวงจุ้ยได้ให้คำแนะนำในการประกอบการตัดสินใจในการจัดอาคารบ้านเรือนให้ถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ย โดยแบ่งบ้านออกเป็น 5 ประเภท โดยมีรายละเอียด ดังนี้

imagesbagua.png

  1. บ้านธาตุทอง
    ได้แก่ บ้านที่ตั้งอยู่ในตำแหน่งหลังอิงทิศตะวันตก (ตามหลักฮวงจุ้ยมักใช้เฉพาะทิศตะวันตก) บ้านธาตุทองควรมีลักษณะรูปทรงกลมมล หรือมีหลังคาลักษณะโดมเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ สีที่ใช้ตกแต่ง ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น ผ้าม่าน พรม กระเบื้อง ควรเป็น สีขาว เหลือง น้ำตาล สีครีมสำหรับ สีที่ควรหลีกเลี่ยง คือ สีแดง สีส้ม สีชมพู ส่วนภาพติดผนังที่สมควรละเว้นไม่ติดตั้ง คือ ภาพที่สื่อถึงธาตุไฟ เช่น ภาพพระอาทิตย์กำลังทอแสง ภาพเตาผิงเตาอบ กล่าวกันว่าบ้านธาตุทองย่อมสอดคล้องกับเงินทอง ดังนั้น จึงเหมาะกับคนที่ประกอบการค้า และคนที่มีจิตใจเป็นพ่อค้า หรือนักธุรกิจ บ้านธาตุทอง สอดคล้องกับอาคารบ้านเรือนที่หลังอิงทิศตะวันตก คนที่มีดวงชะตาสอดคล้องกับบ้านธาตุทอง คือ คนฮวงจุ้ยตะวันตก สำหรับ คนที่ไม่ควรพักพิงในบ้านธาตุทอง คือ คนปีกระต่าย (คนปีกระต่ายไม่ควรอยู่บ้านหลังอิงทิศตะวันตก)

  2. บ้านธาตุน้ำ
    ได้แก่ บ้านที่ตั้งอยู่ในตำแหน่งหลังอิงทิศเหนือ หรือมีทิศเหนือเป็นทิศประจำธาตุ บ้านธาตุน้ำไม่ควรมีรูปลักษณ์สี่เหลี่ยมมากจนเกินไป แต่ควรมีลักษณะรูปทรงกลมมล หรือ มีรูปโค้งมล เป็นลอน ลูกคลื่น เป็นส่วนประกอบที่สำคัญ สำหรับภาพทะเล ชายหาด แม่น้ำล้วนเป็นภาพมงคลของบ้านธาตุน้ำ ส่วนภาพภูเขา ป่าทึบ เป็นภาพที่ไม่เหมาะสมและเป็นมงคล ส่วนสีที่ใช้ตกแต่งบ้านธาตุน้ำที่ดีที่สุดควรเป็นสีขาว สีฟ้าอ่อน น้ำเงิน สีทอง และสีที่ควรหลีกเลี่ยง ก็คือ สีเหลือง สีครีม สีน้ำตาล และสีแดงนอกเหนือไปจากทิศที่ตั้งแล้ว กล่าวกันว่าบ้านธาตุน้ำที่ไม่มีน้ำอยู่ในบ้านจะกลับกลายเป็นอัปมงคลไปในทันที ดังนั้น ผู้รอบรู้จึงพยายามแนะนำให้ตั้งน้ำ โดยจะใช้วิธีการขุดบ่อปลาเอาไว้ในทิศตะวันออกเฉียงใต้หรือมุมมังกรของบ้าน ในกรณีที่มีพื้นที่จำกัด กำหนดให้หาน้ำมาวาง ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น ตู้ปลา น้ำพุ น้ำล้น ก็ได้ บ้านธาตุน้ำ สอดคล้องกับบ้านหลังอิงทิศเหนือ คนที่มีดวงชะตาสอดคล้องกับบ้านธาตุน้ำ คือ คนฮวงจุ้ยตะวันออก ส่วนคนที่ควรหลีกเลี่ยงบ้านธาตุน้ำ คือ คนปีม้า

  3. บ้านธาตุไม้
    ได้แก่ บ้านที่ตั้งอยู่ในตำแหน่งหลังอิงทิศตะวันออก หรือทิศตะวันออกเป็นทิศประจำธาตุ บ้านธาตุไม้ไม่ควรตั้งในตำแหน่งหลังอิงทิศตะวันตก จนเกินไป ที่สำคัญคือ บ้านธาตุไม้ ควรมีลักษณะรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ยาวลึกเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ เนื่องจาก ตามหลักวิชาฮวงจุ้ยถือว่าธาตุไม้หมายถึงการเจริญเติบโตเจริญรุ่งเรืองและมั่นคงประการหนึ่ง และธาตุไม้เป็นตัวแทนของ ”มังกรเขียว”อีกประการหนึ่ง ดังนั้น หลักสำคัญที่ต้องจดจำ ก็คือ อาคารบ้านเรือนที่ตั้งวางตัวอยู่ในตำแหน่งหลังอิงทิศตะวันออกจะต้องมีขนาดที่สูงกว่าบ้านข้างเคียงจึงจะเป็นมงคล และพอสรุปเป็นฮวงจุ้ยรูปลักษณ์ได้ว่า ..อาคารใดๆ ที่หลังอิงตะวันออกตั้งในพื้นที่ต่ำจึงถือเป็นเรื่องที่ผิดหลักวิชาฮวงจุ้ย สำหรับ บ้านธาตุไม้ที่มีต้นไม้เป็นส่วนประกอบถือเป็นมงคลแล้ว การติดตั้งภาพน้ำ ไม่ว่าจะเป็นทะเล ชายหาด แม่น้ำ ถือเป็นภาพมงคลอย่างมาก ทั้งนี้ เพราะไม้ต้องการน้ำมาหล่อเลี้ยงให้เจริญเติบโต ส่วนสีที่ใช้ตกแต่งบ้านธาตุไม้ที่ดีที่สุดควรเป็นสีเขียว สีฟ้า น้ำเงิน และสีที่ควรหลีกเลี่ยงก็คือ สีขาว สีทอง เพราะเป็นสีของธาตุโลหะกล่าวกันว่าบ้านธาตุไม้ย่อมสอดคล้องกับคนหนุ่มสาวมากกว่าคนสูงอายุ ดังนั้น จึงเหมาะกับคนที่ประกอบการค้า และคนที่มีจิตใจเป็นพ่อค้าหรือนักธุรกิจ บ้านธาตุไม้ สอดคล้องกับบ้านหลังอิงทิศตะวันออก คนที่มีดวงชะตาสอดคล้องกับบ้านธาตุไม้ คือ คนฮวงจุ้ยตะวันออก ส่วนคนที่ควรหลีกเลี่ยงบ้านธาตุไม้ คือ คนปีไก่

  4. บ้านธาตุไฟ
    เป็นบ้านที่มีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างไปจากบ้านธาตุอื่น ๆซึ่งก็คือ บ้านที่มีจั่วเป็นรูปสามเหลี่ยม หรือ บ้านที่หลังคาแหลม (บ้านทรงไทย)ในวิชาฮวงจุ้ยเคหสถาน ถือว่าธาตุไฟ หมายถึง พลังอำนาจ ถ้าผู้อยู่อาศัยรู้จักดูแลควบคุมได้ก็จะนำความเจริญรุ่งเรืองมาให้ แต่ถ้าขาดการควบคุมจะหาความแน่นอนไม่ได้และมักจะถูกจำกัดพลังหรือกีดกันความสามารถ ดังนั้น ผู้พักพิงอาศัยในบ้านธาตุไฟต้องเป็นผู้มีพลังอำนาจ หรือเป็นคนที่มีบารมี ใจบุญธรรมะธัมโม จึงจะอยู่อาศัยแล้วเจริญรุ่งเรืองสำหรับ คนทั่วไปพักพิงในบ้านทรงไฟ สุขภาพและฐานะการเงินจะขาดความมั่นคง สำหรับสีที่ใช้ตกแต่งบ้านธาตุไฟดี คือ แดง ส้ม ชมพู เขียว (หลังคาแดง)และควรหลีกเลี่ยงสีธาตุน้ำบ้านธาตุไฟ สอดคล้องกับบ้านหลังอิงทิศใต้ คนที่ดวงชะตาสอดคล้องกับกับบ้านธาตุไฟ คือคนฮวงจุ้ยตะวันออก ส่วนคนที่ควรหลีกเลี่ยงบ้านธาตุไฟมากที่สุดคือ คนปีหนู

  5. บ้านธาตุดิน

ได้แก่ บ้านทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส หรือ บางครั้งก็เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าทรงเตี้ยได้ ในวิชาฮวงจุ้ยถือว่า บ้านธาตุดินสอดคล้องกับทุกหลังอิง ทั้งนี้ เพราะธาตุดินรองรับธาตุอื่นๆ ได้ทุกธาตุ (น้ำอยู่ในดิน ไม้อาศัยดิน โลหะอยู่ในดิน ไฟเสริมดิน)นอกจากนั้น บ้านทุกหลังไม่ว่าหน้าหันหลังอิงทิศใดๆ ล้วนตั้งอยู่บนดิน ดังนั้น บ้านธาตุดินจึงมั่นคงและมีเสถียรภาพมากที่สุด ทั้งนี้ เพราะธาตุดินตามความหมายในทางฮวงจุ้ย หมายถึง ความหนักแน่นมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง บ้านธาตุดิน เหมาะสมกับคนทั่วๆไป ซึ่งก็คือผู้ที่ต้องการความสงบไม่ชอบวุ่นวายกับใคร บ้านธาตุดินมักจะถูกกำหนดให้ตั้งอยู่ในตำแหน่งหลังอิงทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และ ทิศตะวันตกเฉียงใต้ กำหนดให้ใช้ สีเหลือง น้ำตาล แดง ชมพู สำหรับ สีเขียว เป็นสีที่ควรหลีกเลี่ยง ประการสำคัญที่ควรจดจำก็คือ อาคารบ้านเรือนธาตุดินไม่ควรปลูกต้นไม้มากถึงขนาดบดบังแสงอาทิตย์ ทั้งนี้ เพราะจะทำให้มีลักษณะเป็นหยินมากเกินไป

อย่างไรก็ตาม การจัดอาคารบ้านเรือนตามทิศที่ตั้งมักขัดแย้งกับผู้อยู่อาศัย ดังนั้น ในวิชาฮวงจุ้ยเคหสถาน จึงแนะนำให้จัดอาคารบ้านเรือนให้สอดคล้องกับผู้อยู่อาศัย โดยตรวจสอบได้จากหมายเลขประจำตัวฮวงจุ้ยของคนและฮวงจุ้ยของอาคารบ้านเรือนตามทิศหลังอิงให้มีความสอดคล้องต้องกัน

images.png

Sort:  

ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันข้อมูล ที่เป็นประโยชน์ ต่อการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน
มากๆค่ะ :-)

ยินดีจ้าา