Free Style Free Writing
สวัสดีค่ะ ชาว steemit & busy,
วันนี้เกาะพะงัน ฝนตกชุ่มช่ำขับไล่ความร้อนตั้งแต่ตอนเที่ยงก็ยังตกจ๊อกๆ แจ๊กๆ หยุดบ้างตกบ้างตลอดทั้งวัน ลูกค้าก็มีแอบบ่นว่าอยากได้แดดร้อนๆ แสงจัดๆ ให้ตัวไหม้เกรียมไปเลย แต่ใครจะไปกำหนดลมฟ้าอากาศได้ค่ะ ก็ต้องปล่อยไปตามธรรมชาติ แต่อากาศแบบนี้ก็ดีค่ะ น่านอนตัวขี้เกียจขึ้นพรึ่บ อยากจะงีบวันละหลายเวลา วิก็อยากให้ฝนตกบ้างซักนิด มาชำระล้างฝุ่นผงที่เกิดจากทรายและเศษฝุ่นจากการก่อสร้างตามท้องถนน เพราะตอนนี้เกาะพะงันเริ่มเจริญขึ้น มองไปทางไหนก็มีไซต์ก่อสร้างขึ้นให้พรึ่บพรั่บ พอฝนตกก็ช่วยลดฝุ่นแต่กลายร่างของฝุ่นไปเป็นน้ำโคลนแทน 5555
รูปถ่ายเกาะพะงันยามพระอาทิตย์ตกดิน (ถ่ายโดยคุณแม่วิเองค่ะ)
เพราะฝนตกก็เลยไม่ได้ออกไปทานข้าวนอกบ้าน ก็อาศัยแฝงตัวอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่นๆ เปิดแอร์เย็นๆ นอนเช็คข้อความอ่านบทความของเพื่อนๆ ชาว steemit ซึ่งตอนนี้ก็มีบทความขึ้นมาเยอะมากๆ ค่ะ ตามอ่านตามกดโหวตแทบไม่ทัน ขึ้น feed ทีก็มาใหม่เพียบ บางทีอยากจะกดให้ทุกคนนะค่ะ แต่ตัวเองก็พลังไม่ได้มีเยอะแยะอะไร ก็จะอาศัยตามอ่านตามเก็บเพื่อนๆ ไปเรื่อยๆ ค่ะ ก็สนุกดีนะค่ะ นั่งอ่านเรื่องราวต่างๆ ของเพื่อนคนไทย หรือเพื่อนชาวลาวที่เขียนภาษาไทย ได้รับประสบการณ์ดีๆ ได้เปิดหูเปิดตาตัวเอง เพราะแต่ละคนก็มีเรื่องน่าสนใจแตกต่างกันไป ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวๆ สวยๆ ในเมืองไทย เหนือ ใต้ ออก ตก กลาง หรือจะมาจากฝั่งยุโรป อเมริกา หรือเพื่อนบ้านแถบเอเชีย ทำให้วิคนที่ไม่ค่อยได้ไปท่องเที่ยวที่ไหน ก็ได้รับโอกาสได้ไปท่องเที่ยวร่วมกับเพื่อนๆ ชาว steemit ผ่านตัวหนังสือ จากคำบอกเล่าของเพื่อน เหมือนวิได้ซึมซับช่วงเวลานั้นร่วมกันไปกับเพื่อนๆ ค่ะ
ภาพโดยคุณแม่อีกสักรูป ผู้คนมางมหาหอย
การที่วิตั้งเป้าให้ตัวเองว่าจะพยายามเขียนให้ได้วันละ 1 โพส ซึ่งบางคนก็บอกว่ายากไป เพราะอาจจะไม่มีเวลา หรืออาจจะหาเรื่องราวที่จะมาเขียนไม่ออก วิก็เคยเป็นแบบนั้นค่ะ คือ หมดไฟ หมดแรง เหมือนหัวสมองมันตื้อไป จากแต่ก่อนเราก็เขียนได้ทุกวันและเขียนได้เรื่อยๆ เพราะตอนนั้นเรายังมีเรื่องให้เขียนให้เล่าเยอะ แต่พอผ่านสัก 2 เดือนรู้สึกตัวเองมุกเริ่มไม่มี เขียนไม่ค่อยออก จากโพสวันละเรื่องก็มาสัก 3 วัน 1 เรื่อง นานสุดก็เกือบอาทิตย์ถึงจะได้โพส ยอมรับว่าช่วงนั้นก็เสียดายว่าถ้าเราเขียนไปทุกวันเราก็ยังได้สะสมเหรียญสตรีมดอลล่าห์ แต่มันตื้อก็เลยหยุดเขียนซะงั้น แต่ตอนนี้วิกลับมาเขียนจริงๆ จัง ๆ ทุกวันแล้วค่ะ พยายามฝึกให้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน เหมือนเราเขียนบันทึกส่วนตัวที่ไม่ลับสามารถเผยแพร่ให้เพื่อนๆ หรือสาธารณชนได้อ่านกันได้อย่างเปิดเผย
เพราะการเขียนบน steemit มันไม่มีการกำหนดลักษณะหรือสไตล์การเขียน ใครอยากเขียนแบบไหนก็ตามใจ แค่ไม่เขียนเชิงดูหมิ่น ใส่ร้าย หรือชวนทะเลาะ และไม่ไปลอกบทความใคร เราก็สามารถเป็นเจ้าของบทความได้ วิก็เลยคิดว่าเรื่องที่วิถนัดที่สุดก็คือเรื่องตัววิเอง 5555 เพราะเรารู้นี้ค่ะ ว่าเราคิดอะไรอยู่ เราทำอะไรมา ก็แค่เล่าให้เพื่อนๆ อ่านแทน แค่เขียนให้เพื่อนๆ อ่านได้เข้าใจ ไม่วกไปวนมา (หรือว่าวกวน ก็คงจะมีบ้าง อิๆ) ไม่ประดิษฐ์ตัวเองให้เป็นคนอื่นๆ คิดซะว่าเรากำลังโทรศัพท์หาเพื่อนหรือครอบครัวที่อยู่คนละที่ ให้เค้ารู้ว่าช่วงนี้เราทำอะไร จากพูดก็เปลี่ยนมาเป็นตัวอักษรแทน คิดได้แบบนี้ก็เลยมีเรื่องมาให้เพื่อนๆ อ่านกัน พออ่านกันเสร็จก็เข้ามาทักทายหรือแซวกันไปกันมาเป็นที่น่าสนุกสนาน อารมณ์เหมือนเขียนจดหมายแบบส่งด่วนหาเพื่อนๆ แล้วเพื่อนก็เขียนโทรเลขตอบกลับมา :)
วิก็พยายามสอดแทรกประสบการณ์ชีวิตหรือแง่คิดในการใช้ชีวิตของวิลงไปบ้าง ก็วิจะอายุ 40 แล้ว ถ้าไม่มีแง่คิดอะไรมาใส่ให้ดูดีหน่อย มันก็ดูเหมือนโตมาแต่ตัว แต่ไม่มีประสบการณ์อะไรติดตัวมาเลยหรือ 5555 และที่สำคัญตอนนี้วิเลิกคิดถึงเรื่องว่าวิจะได้รับโหวตเท่าไหร่แล้วค่ะ เพราะถือว่านั้นคือผลพลอยได้ ส่วนมากจะมาคอยตามอ่านที่เพื่อนๆ ทักมามากกว่าและก็ตอบกลับหาเพื่อนๆ เพราะดีใจที่เค้าอ่านบทความของเรา ถ้ายิ่งเค้าชอบสิ่งที่เราเขียนก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น
การที่วิเลิกสนใจในผลโหวตเพราะมันทำให้วิไม่กดดันตัวเอง ไม่ต้องเอาตัวเองไปเปรียบเทียบใคร เราเขียนสบายๆ ไม่ต้องไปคาดหวังผลโหวตด้วยค่ะ เพราะบางทีเราคิดว่าเราเขียนดีสุดติ่งกระดิ่งแมวแล้ว แต่ทำไมได้น้อยกว่าอันที่เราเขียนฮาๆ ไม่ได้จริงจังหรือคาดหวังเท่าไหร่ ที่พูดแบบนี้เพราะเคยผ่านอารมณ์แอบเฟลมาแล้วค่ะ 555 แต่ตอนนี้ไม่มีแล้วค่ะ มาสายสบายๆ ชิวล์ แค่จะเสนอหน้าบนหน้า feed ของเพื่อนๆ ทุกวัน 555
วิคิดเสมอว่าการที่วิเขียนทุกวัน คือวิได้กำไร วิไม่ได้ลงทุนอะไรมากมาย แค่ใช้แรงใจแรงสมองในการคิดเรื่องที่จะเขียน อีกอย่างวิมองว่าการที่วิโพสลง steemit คือการลงทุนสะสมเหรียญสตรีมและสตรีมพาวเวอร์ให้ได้ทุกวัน ให้เข้ากระเป๋าวิไปเรื่อยๆ มันเป็นรูปธรรมที่ทำให้รู้เลยว่าเวลาที่วิให้กับ steemit มีมูลค่า และวิได้ใช้เวลาได้อย่างมีคุณค่าและมีประโยชน์ เพราะวันที่เหรียญสตรีมดอลลาร์ดีดตัวขึ้นมาแตะที่ $10-20 วันนั้นวิจะต้องขอบคุณตัวเองที่เชื่อมั่นในตัวเองและ steemit มาตลอด ถึงวันนี้เหรียญสตรีมดอลลาร์เกือบจะแตะพื้นพสุธา แต่ถ้าเรามองอย่างคนมองโลกอย่างแท้จริงไม่โลภ เราก็ได้กำไรนะค่ะ เพราะเราก็ยังได้เงินจากสิ่งที่เราทำ เอาแค่วิโพส 1 โพสแล้วได้เงินมา 1-10 บาทวิก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว เพราะวิไปเล่นที่โซเชียลมีเดียอื่น วิก็ไม่เคยจะได้สักบาท คิดแบบนี้วิเลยมีกำลังใจขึ้นมาอีกเยอะเลยค่ะ
หวังว่าความคิดที่วิมีต่อ steemit จะช่วยสะกิดใจเพื่อนให้เบิกบานแล้วเรามาสู้ด้วยกันต่อไป ให้วิได้เข้าไปอ่านเรื่องของเพื่อนๆ อย่างเปิดเผย เพราะวิก็อยากจะอ่านบทความเพื่อนๆ ทุกวันนะค่ะ
ขอบคุณค่ะ
วิ
สุดยอดเลยเพื่อนอ่านแล้วรู้สึกดีมากๆ..ตอนนี้กำลังกลับมาแล้วหลังจากวันหยุดบวกกับดีดซัมซุงออกจากชีวิตตอนนี้เสี่ยเอาไอโฟน xมาปลอบใจแล้ว คราวนี้จะสะดวกมากขึ้นแระเพราะที่ผ่านมามัวแต่รบกะซัมซุงอยู่เลยติดปัญหาเยอะ
สุดท้ายเพืื่อนก็ได้กลับมาหน้า steemit แล้ว ดีใจๆ จุดพลุฉลอง บอกเสี่ยถ้าป๋ายังงี้ ซื้อมาแจกเพื่อนบ้างนะ เอาสี Rose gold
How are you? I love roses. I love gold, hehe.
ป๋าใจปล้ำแต่กับน้อง cup cake นี่แหละจร้า 5555
คุณวิเดี๋ยวนี้เขียนเก่งมากเลยนะคะ😊
ขอบคุณค่ะคุณแมวที่ชม พยายามเขียนบ่อยๆ พอสมองได้ขบคิดมันก็พอจะลื่นไหลไปได้ค่ะ 😄😅☺️
สวัสดีค่ะพี่วิ คุณแม่ถ่ายรูปสวยเหมือนกันนะคะเนี่ย ^▁^
สวัสดีน้องหญิงไม่เจอกันนาน แม่ถ่ายรูปดีจนพี่ต้องเซฟมาลงใน steemit บอกแม่ไปว่าเดี๋ยวจะจ่ายค่ารูปติดลิขสิทธิ์ของแม่หลังจากได้เงินจาก steemit แม่รอด้วยใจจดใจจ่อว่าจะได้กี่บาท 5555
สวัสดีค่ะคุณวิชอบบทความพี่มากๆค่ะ ขอสมัครเป็นแฟนคลับด้วยคนค่ะ จุ๋มก็ตั้งใจจะเขียนให้ได้วันละ 1 บทความเหมือนกันค่ะ สู้ๆค่ะ^^
ขอบคุณค่ะคุณจุ๋มที่ชอบบทความของวิ แถมสมัครเป็นแฟนคลับด้วย ที่นี้มีพี่ๆ เพื่อนๆ เขียนเก่งอีกหลายคนเลยค่ะ แต่ละคนก็มีแนวของตัวเอง เรามาเขียนกันวันละเรื่อง ทำไปทุกวันวิว่าเราก็จะเก่งขึ้น แถมเรายังได้แลกเปลี่ยนแนวคิดกันผ่านตัวอักษรด้วยค่ะ fighting 🤗
คุณวิเขียนได้น่าอ่านน่าติดตาม การเขียนเรื่องราวของตัวเองเป็นการบอกเล่าอธิบายตัวของเราเอง ทำให้คนอื่นได้รู้จักเรามากขึ้นมันเหมือนการรู้จักใครคนนึงผ่านตัวหนังสือ มันมีค่ามาก มันจะเกิดความไว้ใจมากขึ้น เขียนต่อไปทุกๆวันนะค่ะ ติดตามตลอดค่ะคุณวิ คือว่ามันอยากรู้เรื่องเพื่อนนะ 55555
จริงค่ะคุณแนตตี อารมณ์เหมือนเราเล่าเรื่องให้เพื่อนฟัง เหมือนสมัยก่อนยังไม่มีอินเตอร์เน็ตหรือค่าโทรศัพท์ข้ามประเทศก็ยังแพง เราก็เขียนจดหมายเล่าสู่กันฟังแทน วิชอบนะค่ะ เราได้เขียนบันทึกชีวิตของเราในแต่ละวัน ที่เราสามารถเขียนให้คนอื่นอ่านได้อย่างสบายใจ พอเราย้อนมาอ่านเราจะได้คิดถึงได้ว่าเออวันนั้นเรามีความรู้สึกแบบนี้นะ อีกอย่างทำให้เราได้ย้อนระลึกช่วงเวลาต่างๆ ของเราด้วย สนุกดีค่ะ
พี่ซีก็เคยกดดันว่าต้องเขียนโพสต์ให้มีคุณภาพมากๆ ต้องหาข้อมูลใหม่ ต้องทำตกแต่งรูปภาพด้วยตัวหนังสือ แต่บางทีก็เราก็ไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้น และเห็นว่่่าเพื่อนหลายคนก็ไม่เห็นต้องวุ่นวายเหมือนพี่เลย แต่ก็มีโพสต์ที่น่าอ่าน อย่างวิเองก็เป็นแรงบันดาลใจให้พี่อยากขยันทำโพสต์ทุกวันนะคะ พี่อาจจะมาเล่าเรื่องราวในชีวิตประจำวันตามรอยน้องวิบ้าง ไม่ว่ากันนะจ๊ะ เมื่องานเลยเริ่มจากการใช้มือถือโพสต์ละ ไม่รู้จะทำได้มากน้อยแค่ไหน โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ 555
วิก็อยากรู้ชีวิตด้านอื่นๆ ของพี่ซีด้วยเหมือนกัน 555 วิว่าเราเขียนแบบไม่ต้องกดดันตัวเองมันทำให้เราผ่อนคลายค่ะ เหมือนเวลาวิเขียนลง steemit เป็นการใช้เวลาว่างและได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ฝึกสมาธิ ฝึกจัดลำดับว่าเราจะเล่าอะไรดี เอารูปมาใส่แบบไหน สนุกดีนะค่ะ เหมือนเราสร้างเรื่องราวให้ตัวเอง ไม่มีใครถูกผิด ถ้าใครสามารถตกแต่งภาพได้ วินี้ยอมรับในความมุ่งมั่นเลย แต่วิไม่ค่อยถนัด 555 กลัวทำไปแล้วท้อ เพราะเราก็มีงานอย่างอื่นอีก งานเขียนสมัครเล่นของวิเหมือนที่บำบัดอารมณ์ความคิด ความรู้สึกค่ะ คือบางทีเราก็อยากจะมีช่วงเวลาปล่อยของ อยากเขียนบอกความคิดแนวคิดการใช้ชีวิตหรือมุมมองต่างๆ แต่ถ้ามานั่งพูดคนก็จะหาว่า พูดแต่เรื่องตัวเอง แต่พอมาเขียนเราสามารถเขียนเรื่องของเราได้ 100% ไม่ต้องเกรงใจใครว่าเขียนน้ำไหลไฟดับ 555 อีกอย่างเรามีช่องทางสื่อสารกับเพื่อนๆ อีกต่างหาก ถ้าเค้าชอบเค้าอยากเสนอแนะ เค้าก็เขียนบอกเราตรงๆ เลยดี ได้รู้จักนิสัยใจคอบางส่วนผ่านงานเขียน
555 พี่แค่กลัวว่าเอ๊ะ เรื่องเรามันน่าสนใจขนาดที่ว่าจะมีคนอ่านเหรอ แต่ไว้จะลองดูค่ะ :)
มีค่ะพี่ หนูก็เป็นหนึ่งในนั้น 555 สนุกดีออกค่ะ เล่าสูกันฟัง
น้องวิขยันอยู่แล้ว พี่ไม่มีเบื่อหรอกค่ะ :-)
ขอบคุณค่ะคุณพี่ วันไหนต้องนัดไปกินข้าวก่อนพี่กลับกรุงเทพฯนะ
บรรยากาศดี วิวสวยมากเลยครับ
ขอบคุณค่ะเกาะพะงัน บรรยากาศดีค่ะ แถมอากาศก็ดีไม่มีฝุ่นควัน