การบริหารเวลาที่ดี
การบริหารเวลาที่ดี เราจะต้องรู้จักแบ่งเวลา ให้ความสําคัญกับงานที่เร่งด่วน และงานที่สำคัญเร่งด่วน แล้วก็พยายามแบ่งเวลาให้กับงานที่สําคัญเร่งด่วนให้มาก ๆ เพื่อที่ว่าเราจะสามารถทํางานที่สําคัญได้อย่างดี โดยที่ไม่ปล่อยให้มันมาเร่งรัดตัวเอง จนกลายเป็นงานที่จวนตัว เพราะถ้าเกิดงานเร่งรัดเมื่อไหร่แล้วละก็ เวลาจะทํามันก็ไม่ค่อยจะมีแล้ว บางทีความพิถีพิถัน สะเอียดรอบคอบอาจจะต้องลดลงไป ส่วนงานที่มีความสําคัญน้อย เราก็จัดลำดับความสําคัญไปอยู่ท้าย ๆ จะได้ มีเวลาให้กับงานที่ดีที่สําคัญได้มากขึ้น แล้วจะทํางานได้อย่างดีด้วย
ความสําคัญอันหนึ่งอยู่ที่ว่า แล้วจะรู้ยังไงว่า งานไหนสําคัญ ตรงนี้แหละไปถามเด็กเขาอาจจะบอกว่าเล่นเกมส์สําคัญก็ได้ คือบางคน บอกว่าไปเที่ยวกับเพื่อนสําคัญ ไปเที่ยวกลางคืนสําคัญ จะตัดสินยังไง ว่าอะไรสําคัญ ไม่สําคัญ มาตรฐานตรงไหนเป็นตัวตัดสินนั้น ให้เราดูการตัดสินใจของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อตอนพระองค์ทรงพระชนม์ มายุได้ 29 พรรษา พระชายา คือ พระนางพิมพา ซึ่งประสูติพระโอรสคือ ราหุลราชกุมาร พระองค์อุทานเลยว่า “ราหุลัง ชาตัง ราหุซาโต พันธนัง ขาตัง” แปลว่า ห่วงบ่วงเกิดแล้ว พันธนาการเกิดขึ้นแล้ว ราหุล แปลว่า ห่วง บ่วง ราหุลัง ชาตัง ห่วงเกิดแล้ว กลับเข้าวังดูหน้าพระโอรส แต่ยังตัดใจไม่ยอมอุ้ม เพราะถ้าอุ้มเดี่ยวความรักเกิดมาท่วมท้น เดี๋ยวจะ ไม่ได้ออกบวช แล้วก็ตัดสินใจออกบวช แสวงหาโมกขธรรม แสวงหาการ ตรัสรู้ธรรมในคืนนั้นนั่นเอง
ถ้ามองอย่างขาวโลก ลูกพึ่งเกิด การดูแลลูกนี้สําคัญไหม สําคัญ แต่ทําไมพระองค์จึงตัดสินใจว่ายอมสละความเป็นรัชทายาทที่จะครองราชสมบัติต่อไป สละครอบครัวสละทุกสรรพสิ่ง แล้วออกแสวงหา โมกขธรรม เพราะพระองค์เห็นว่าสิ่งนี้สําคัญกว่า และมีความสําคัญ เร่งด่วนมากกว่า จึงตัดสินใจออกบวช เพราะรู้ว่าหนทางนี้จะนำความสว่างไสวมาสู่ทั้งพระองค์เอง ครอบครัว หมู่ญาติ แล้วก็ชาวโลกทั้งหลายได้มากกว่า สุดท้ายเมื่อตรัสรู้ธรรม พระองค์ก็ย้อนกลับมาโปรดราหุล ราชกุมาร โปรดพระนางพิมพา จนกระทั่งเป็นพระอรหันต์ทั้งหมด โปรดพระราชบิดา พระเจ้าสุทโธทนะจนกระทั่งเป็นพระอรหันต์ในที่สุด โปรดหมู่พระญาติแล้วโปรดชาวโลกทั้งหลาย
ถ้าเราลองคิดดูดีๆ ช่วงตัดสินใจช่วงแรก คงจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ พอสมควรทีเดียว นึกดูก็แล้วกัน พอเสด็จออกบวช หมู่พระญาติ จะวิพากษ์วิจารณ์ว่าอย่างไร ทําไมเจ้าชายสิทธัตถะถึงทิ้งพระชายา ทิ้งพระราชโอรสออกบวช ไม่รับผิดชอบหรือเปล่า เพราะกรอบความคิด เป้าหมายปลายทางมันต่างกัน การที่จะรู้ว่าอะไรสําคัญไม่สําคัญอยู่ที่ว่า เราวางเป้าไว้ตรงไหน ต้องรู้จักตัวเองชัดเจน แล้วก็มองเห็นสถานการณ์โดยภาพรวมชัดเจน การตัดสินใจบางอย่าง ของผู้ที่มีวิสัยทัศน์กว้างขวาง เป็นไปได้ว่าอาจจะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากคนรอบข้างอย่างมหาศาลเลย แต่จะทําได้ต่อเมื่อ ต้องมีความมุ่งมั่นแน่วแน่ มีความอดทน แล้วก็ชัดเจน ในตนเองจริง ๆ จึงจะสามารถทําได้